• 28
  • ก.พ.
  • 0
Author

10 อย่างที่ต้องรู้ ก่อนไปเรียน “แพทย์ต่างประเทศ”

10 อย่างที่ต้องรู้ ก่อนไปเรียน “แพทย์ต่างประเทศ”  ‍‍‍‍

น้อง ๆ คนไหนกำลังคิดว่า อยากไปเรียนแพทย์ต่างประเทศอยู่ หรืออยากรู้ว่าหมอต่างประเทศเป็นอย่างไร? บทความนี้จะเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อน้อง ๆ อย่างแน่นอน โดยเราอาจจะเน้นตัวอย่างมหาวิทยาลัยแพทย์ในโปแลนด์ ทวีปยุโรปเป็นหลัก ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยยค่า…


1. Q: มหาวิทยาลัยผ่านการรับรองจากแพทยสภาไทยหรือไม่

A: มหาวิทยาลัยที่ผ่านการรับรองหลักสูตรจากแพทยสภาไทย หมายความว่า เมื่อนักศึกษาเข้าไปเรียน ณ มหาวิทยาลัยนั้นๆ แล้ว นักศึกษามีสิทธิ์ทำเรื่องขึ้นทะเบียนกับแพทยสภาก่อนที่จะไปเรียน เพื่อยืนยันสิทธิในการสามารถกลับมาเพื่อสอบใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์ไทยได้ โดยทยอยแบ่งการสอบ ศรว.ออกเป็นทั้งหมด 3 ขั้นตามช่วงชั้นปีที่เรียนได้ คล้ายคลึงกับการเรียนแพทย์ในไทย หากสอบผ่านทั้ง 3 ขั้นตอน ก็จะได้ใบประกอบวิชาชีพและทำงานในไทยได้

แต่หากหลักสูตรยังไม่รับรอง เมื่อไปเรียนจะไม่สามารถแบ่งสอบใบประกอบได้ จะต้องเรียนจนจบก่อน หรือจะต้องทำเรื่องยื่นกับแพทยสภาโดยตรง ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานในการพิจารณาและหากหลักสูตรไม่ครบตามเกณฑ์มาตรฐาน อาจจะต้องฝึกงานเพิ่มจากปกติ ถึงจะมีสิทธิในการสอบ ศรว. ขั้นตอนที่ 1 ได้ ฉะนั้น สิ่งที่ควรตรวจสอบเป็นอันดับแรก คือการรับรองจากแพทยสภา

น้อง ๆ สามารถเข้าไปตรวจสอบรายชื่อมหาวิทยาลัยที่ผ่านการรับรองแล้วได้ที่เว็บไซต์ของแพทยสภา:http://tmc.or.th/news06_1.php

สำหรับมหาวิทยาลัยแพทย์โปแลนด์ในโครงการของเราที่ผ่านการรับรองเป็นที่เรียบร้อย มี 4 แห่ง ดังนี้

1. Medical University of Lublin
2. Poznan University of Medical Sciences
3. Medical University of Warsaw
4. Wroclaw Medical University


2. Q: วุฒิการศึกษาได้รับการยอมรับจาก USA/UK/EU หรือไม่

 

A: นอกจากการยอมรับจากประเทศไทยแล้ว เราจะต้องตรวจสอบการรับรองจากองค์กรทางการแพทย์ที่มีบทบาทสำคัญอย่างแพทยสภาแห่งสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป หรือองค์กรระดับโลกอื่นๆ ซึ่งจะบ่งบอกถึงคุณภาพและการยอมรับในระดับสากลและ “โอกาส” ในการต่อยอดการทำงานในอนาคตได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยแพทย์ส่วนใหญ่ในประเทศโปแลนด์ผ่านการรับรองจากองค์กรสำคัญหลายแห่ง ทำให้สามารถต่อยอดได้ทั้งที่ USA, UK และ EU ตัวอย่างเช่น

– US Department of Education
– ECFMG
– Medical Board of California
– Association of American Medical Colleges
– Canada Students Loan Program
– European Union Council
– WHO
– FAIMER


3. Q: การสอบเข้าสามารถวัดความรู้ของผู้เรียนได้จริงหรือเปล่า

 

A: การสอบเข้าแพทย์ต่างประเทศในแต่ละที่มีความแตกต่างกัน หรือบางที่ไม่มีการสอบเข้า หากเรียนจบวุฒิที่มหาวิทยาลัยกำหนดก็รับเข้าได้เลย แต่ลักษณะนี้เป็นสิ่งที่เราไม่แนะนำเท่าไรนัก เพราะการเรียนแพทย์จะต้องมีการทดสอบความรู้ของผู้เรียนโดยสามารถวัดระดับความรู้ได้จริงและบ่งบอกถึงความพร้อมในการเข้าเรียนได้
ตัวอย่างเช่น แพทย์โปแลนด์จะเน้นการสอบวัดระดับความรู้วิชาฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา ซึ่งเป็นความรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐานสำหรับการเรียนต่อแพทย์ในชั้นปีที่ 1 แบ่งออกเป็น

1. สอบข้อเขียน (อัตนัย)
2. สอบสัมภาษณ์ โดยสอบเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อวัดทักษะการอ่านและการฟังภาษาอังกฤษ รวมถึงทดสอบจิตวิทยาของน้องที่จะเป็นนักศึกษาแพทย์อีกด้วย


4. Q: “เข้าง่าย” แต่ “จบยาก” หรือไม่

A: สืบเนื่องจากข้อที่แล้วคือ หากการสอบเข้าไม่ได้มาตรฐานหรือไม่มีเกณฑ์การรับเข้าที่ชัดเจน เช่น หากเป็นหลักสูตรที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษ แต่ไม่มีการกำหนด requirement ภาษาอังกฤษ อาจทำให้เป็นปัญหาเรื่องการสื่อสารและทำความเข้าใจในระหว่างเรียนได้ หรือรับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยโดยไม่มีการสอบเข้าและจัดการเรียนปรับพื้นฐาน (Pre-course) ให้ก่อนเปิดเทอม (ยกเว้นการพิจารณาวุฒิในระดับสูง เช่น จบวุฒิ IB หรือจบปริญญาโทในสาขาที่เกี่ยวข้องมาแล้ว มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจยกเว้นการสอบเข้าหรือ requirement บางประการได้) หรือเรียกง่ายๆว่า “เข้าง่าย” จนเกินไป

แต่ในทางกลับกัน เมื่อน้องๆเดินทางไปถึงต่างประเทศเพื่อเรียนตามมหาวิทยาลัยเหล่านั้น หลายคนจะประสบปัญหาว่า เรียนยากจนเกินไป หรือเมื่อสอบตก ก็อาจถูกเชิญออกได้ รวมถึงรุ่นพี่ในชั้นปีก่อนหน้า ก็ถูกเชิญออกปีละหลายสิบหรือหลายร้อยคน เพราะมาตรฐานการตัดเกรดที่สูงและเข้มงวดเป็นอย่างมาก เช่น จากชั้นปีที่ 1 รับนักศึกษาเข้าไป 500 คนต่อรุ่น แต่สามารถจบการศึกษาได้ไม่ถึง 100 คนหรือคิดเป็น 20 % หรือเรียกได้ว่า “จบยาก” นั่นเอง

ฉะนั้น น้องๆที่กำลังสนใจไปเรียนต่อแพทย์ต่างประเทศ ต้องมีความระมัดระวังและตรวจสอบให้ชัดเจนว่า เกณฑ์การรับเข้าเป็นอย่างไรและโอกาสที่จะเรียนจนจบได้มีมากน้อยแค่ไหน โดยสำรวจจากจำนวนรุ่นพี่ที่ไปเรียนจนจบการศึกษาได้ มิฉะนั้น อาจทำให้น้องต้องเสียเวลาและเสียเงินโดยไม่จำเป็น หรือบางคนอาจจะเสียกำลังใจ และรู้สึกท้อจนไม่อยากเป็นแพทย์ไปเลยก็ได้


5. Q: การเรียนการสอนใช้ภาษาอังกฤษตลอดหลักสูตรจริงหรือ

A: การเรียนแพทย์ในหลักสูตรนานาชาติหรืออินเตอร์ คือต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสอน “ตลอดหลักสูตร” แต่จะมีบางประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการเปิดสอนหลักสูตรอินเตอร์เฉพาะการเรียนในชั้น Basic science เท่านั้น แต่การจะขึ้นเรียนในชั้นคลินิก จะต้องเรียนเป็นภาษานั้นๆ เพื่อพูดคุยกับคนไข้ หรือบางครั้งสอนปนกัน 2 ภาษา โดยอาจมีการสอบวัดระดับความรู้ภาษานั้นๆก่อนขึ้นชั้นคลินิก ซึ่งข้อนี้อาจเป็นอีกหนึ่ง “อุปสรรค” ที่ทำให้นักศึกษาแพทย์บางส่วนไม่สามารถเรียนจนจบการศึกษาได้ หรือต้องใช้เวลาเพิ่มมากกว่าหลักสูตรที่กำหนดอีกหลายปี นอกจากนั้น ควรพิจารณาว่าหลักสูตรภาษาอังกฤษนี้ เปิดมายาวนานกี่ปี เพราะจะแสดงถึงความเสถียรของหลักสูตรที่เปิดมาและความพร้อมของคณาจารย์ผู้สอนอีกด้วย

ตัวอย่างของมหาวิทยาลัยแพทย์ที่ประเทศโปแลนด์ทั้งที่ Lublin, Poznan และ Warsaw ล้วนเปิดหลักสูตรภาษาอังกฤษมายาวนานกว่า 20 ปี และสอนเป็นภาษาอังกฤษตลอดหลักสูตร เมื่อขึ้นชั้นคลินิก จะมีอาจารย์ผู้สอนคอยช่วยแปลความเมื่อพูดคุยกับคนไข้ให้ แต่น้องที่เรียนภาษาโปลิชเพิ่ม ก็จะช่วยทำให้ทราบข้อมูลจากคนไข้ได้มากขึ้น แต่ไม่ถือเป็นการบังคับ


6. Q: การเรียนชั้นคลินิกได้ฝึกกับคนไข้จริงหรือไม่ ?

A: การเรียนแพทย์ ต้องพิจารณาจนถึงการเรียนระดับชั้นคลินิก การฝึกกับคนไข้จริงในต่างประเทศอาจไม่ได้ฝึกในการรักษาเท่ากับแพทย์ที่ไทย เนื่องด้วยกฎหมายการคุ้มครองผู้ป่วยที่แตกต่างกัน แต่อาจจะมีบางแห่งที่กำหนดไม่ให้จับคนไข้เลย เนื่องจากมีกฎหมายคุ้มครองที่ค่อนข้างเข้มงวดมาก ซึ่งอาจทำให้ความรู้ในการกลับมาสอบใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมในระดับคลินิกที่ไทยไม่เพียงพอ ดังนั้น ต้องพิจารณาประเทศที่อนุญาตให้ฝึกกับคนไข้จริงบ้าง เช่น ประเทศโปแลนด์ เป็นต้น

 


7. Q: สถิติในการสอบผ่านใบประกอบวิชาชีพแพทย์เป็นอย่างไร

A: ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเรียนในหลักสูตรของประเทศใด ล้วนแล้วแต่จำเป็นต้องสอบใบประกอบวิชาชีพของประเทศที่เราต้องการทำงานให้ผ่านทุกขั้นตอน ดังนั้น สถิติในการสอบผ่านใบประกอบวิชาชีพของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยนั้นๆถือเป็นปัจจัยสำคัญที่แสดงถึงความสำเร็จของมหาวิทยาลัยและหลักสูตรการเรียนการสอนได้อย่างเด่นชัด

เช่น Poznan University of Medical Sciences ที่โปแลนด์ มีอัตราในการสอบผ่านใบประกอบแพทย์ดังนี้

– อัตราสอบผ่านใบประกอบฯแพทย์อเมริกาขั้นที่ 1 USMLE สูงถึง 85%
– อัตราสอบผ่านศรว.ขั้นที่ 1 ของไทย 100%

เหล่านี้ถือเป็นผลมาจากการออกแบบหลักสูตรตามแบบของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเอื้อต่อการสอบใบประกอบวิชาชีพทั้งของอเมริกาและไทย

 


8. Q: ค่าเทอม-ค่าครองชีพสูงไหม

A: ในส่วนของค่าเทอมแพทย์หลักสูตรอินเตอร์สามารถดูรายละเอียดได้ใน https://www.facebook.com/LIEMGTH/posts/1979480092267769

สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 3 กลุ่ม
1. ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เช่น อเมริกา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย ค่าเทอมเฉลี่ยประมาณ 1,800,000 บาทต่อปี ส่วนค่าครองชีพสูงกว่าไทย ประมาณ 2-4 เท่า

2. ประเทศในโซนยุโรปกลาง เช่น โปแลนด์ ค่าเทอมเฉลี่ยปีละ 400,000 – 500,000 บาทต่อปี ค่าครองชีพใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ

3. ประเทศในโซนเอเชีย เช่น จีน ฟิลิปปินส์ ค่าเทอมเฉลี่ยปีละ 150,000 – 250,000 บาทต่อปี ค่าครองชีพถูกกว่าหรือใกล้เคียงกับไทย

 


9. Q: ความปลอดภัยมีมากน้อยเพียงใด

A: ความปลอดภัยในที่นี้ อาจพิจารณารวมถึงสภาพแวดล้อม อัตราการเกิดอาชญากรรม ตลอดจนระบบการคมนาคมพื้นฐานในแต่ละประเทศ โดยอาจประเมินจากดัชนีสันติภาพโลก (Global Peace Index) อ้างอิงจาก http://visionofhumanity.org/

เช่น จากสถิติปี 2016 ประเทศโปแลนด์จัดอันดับอยู่ในอันดับที่ 22 ของโลก คือความปลอดภัยในระดับสูง และอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำ และจะสังเกตได้ว่า มีหลายประเทศที่อยู่ในลำดับสูงๆจะอยู่ในโซนยุโรปกลาง เพราะเป็นประเทศที่ค่อนข้างสงบและเศรษฐกิจดี จึงไม่เกิดอาชญากรรมมากนัก

 


10. Q: บริษัทที่แนะนำไปเรียนมีความน่าเชื่อถือและความเชี่ยวชาญในการดูแลตลอดหลักสูตรหรือไม่

A: ข้อนี้นับว่ามีความสำคัญที่สุดสำหรับการไปเรียนต่อ “แพทย์ต่างประเทศ” เพราะการเรียนแพทย์แตกต่างจากการเรียนสาขาทั่วๆไป เนื่องจากมีขั้นตอนเรื่องของการสอบใบประกอบวิชาชีพที่ค่อนข้างซับซ้อน และต้องอาศัยบริษัทที่แนะนำไปเรียน/ตัวแทนของมหาวิทยาลัย หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีความน่าเชื่อถือ และมีประสบการณ์ในเรื่องการแนะแนวการเรียนต่ออย่างถูกต้อง ครอบคลุม และชัดเจน สามารถนำเสนอข้อมูลของนักศึกษา ทั้งการสอบเข้า สถิติการเรียนจบ ขั้นตอนการฝึกงาน การสอบใบประกอบวิชาชีพ และโอกาสในการทำงานทั้งไทยและต่างประเทศได้อย่างแม่นยำ รวมถึงข้อมูลของมหาวิทยาลัยและหลักสูตรโดยละเอียด เพราะข้อมูลทุกอย่างมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจและ “อนาคต” ในการเป็นแพทย์ของน้องๆ นอกจากนั้น จะต้องคำนึงถึงเรื่องการทำ “วีซ่า” ไปเรียนยังต่างประเทศอีกด้วย


ข้อมูลทั้งหมดตั้งแต่ข้อ 1-10 นี้เป็นเพียงคำแนะนำส่วนหนึ่งจากบริษัท “Lin’s International Medical Consulting” ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนต่อแพทย์และทันตแพทย์ในระดับแนวหน้าของทวีปเอเชีย ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยแพทย์ในโปแลนด์มากกว่า 6 แห่งและผู้บริการนักศึกษาแพทย์และทันตแพทย์ “ตลอดหลักสูตร” แบบ Full Service ระยะยาว ตั้งแต่เริ่มสมัครเข้ามาในโครงการ จนกระทั่งเรียนจบการศึกษา และแนะแนวการต่อยอดในอนาคต


ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรอกรายละเอียดทิ้งไว้ได้เลย

หมอ-เรียนแพทย์ต่างประเทศ-มหาวิทยาลัยลูบลิน-เปิดรับสมัคร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

??Inbox Facebook กดเลย

☎️☎️โทร : 02-645-4084, 02-645-4085

✅✅Line : @linsmedical หรือ https://line.me/R/ti/p/%40linsmedical

จะรออะไรอีก Lin’ s #เปลี่ยนเรื่องแพทย์ให้เป็นเรื่องง่าย

Leave a Comment